รีวิวหนัง Robin Hood (2010) : จอมโจรกู้แผ่นดินเดือด
รีวิวหนัง Robin Hood (2010) : จอมโจรกู้แผ่นดินเดือด หากพูดถึงตำนานโจรผู้กล้าแห่งป่าเชอร์วู้ด หลายคนคงนึกถึง Robin Hood ชายผู้ปล้นคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน และมีการดัดแปลงเรื่องราวนี้มาแล้วหลายครั้งในรูปแบบต่างๆ แต่ในปี 2010 ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Ridley Scott ได้นำเสนอ Robin Hood ในมุมมองใหม่ที่ต่างออกไปจากฉบับคลาสสิก โดยได้นักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง Russell Crowe มารับบทนำ ร่วมกับ Cate Blanchett ในบทของเลดี้แมเรียน หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวของจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวการเมือง การต่อสู้ และการเปลี่ยนแปลงของอังกฤษในยุคกลางอีกด้วย
เนื้อเรื่อง
Robin Hood (2010) : จอมโจรกู้แผ่นดินเดือด เล่าเรื่องราวของ Robin Longstride (รับบทโดย Russell Crowe) ทหารเอกของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หลังจากสงครามครูเสดจบลง เขากับพวกพ้องตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิด แต่ระหว่างทางได้พบเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เมื่อกองคาราวานของกษัตริย์ถูกซุ่มโจมตี โรบินได้สวมรอยเป็นอัศวินที่เสียชีวิตและนำดาบของเขากลับไปคืนให้ตระกูลลอกซ์ลีย์ที่เมืองน็อตติงแฮม
เมื่อไปถึงน็อตติงแฮม โรบินได้รับความช่วยเหลือจากเลดี้แมเรียน (Cate Blanchett) ภรรยาของอัศวินผู้ล่วงลับ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ค้นพบแผนร้ายของ ก็อดฟรีย์ (Mark Strong) อัศวินผู้ทรยศที่ร่วมมือกับฝรั่งเศสเพื่อโค่นล้มอังกฤษ โรบินจึงต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองของเขา นำพาชาวบ้านก่อตั้งกลุ่มต่อต้านและเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งภายในและภายนอกประเทศ >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี
การแสดงและตัวละคร
- Russell Crowe ถ่ายทอดบทบาทของ Robin Hood ออกมาในมุมที่แข็งแกร่ง สมจริง และมีพลัง ไม่ใช่เพียงจอมโจรเจ้าเล่ห์ที่หลบซ่อนอยู่ในป่า แต่เป็นนักรบผู้ชาญฉลาดและมีภารกิจเพื่อความยุติธรรม
- Cate Blanchett ในบทเลดี้แมเรียน เป็นตัวละครหญิงที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่เพียงนางเอกที่รอให้พระเอกมาปกป้อง แต่เป็นนักสู้ที่กล้าหาญและมีบทบาทสำคัญต่อเรื่องราว
- Mark Strong ในบทของก็อดฟรีย์ เป็นตัวร้ายที่มีความฉลาดและเจ้าเล่ห์ ทำให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นมากขึ้น
- Oscar Isaac รับบทเป็นเจ้าชายจอห์น ผู้ที่ต่อมากลายเป็นกษัตริย์จอห์นแห่งอังกฤษ มีความทะเยอทะยานและเห็นแก่ตัว เป็นอีกตัวละครที่สร้างปัญหาให้กับโรบิน >> ดูหนังใหม่ล่าสุด
งานสร้างและโปรดักชัน
Ridley Scott ได้สร้างโลกยุคกลางที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่สมจริง ทั้งฉากเมือง ปราสาท และสนามรบ ทุกอย่างดูหนักแน่นและทรงพลังเหมือนพาผู้ชมย้อนกลับไปในยุคศตวรรษที่ 12 การออกแบบฉากแอ็กชันก็ทำได้ดี มีความดิบและสมจริง โดยเฉพาะฉากสงครามที่เต็มไปด้วยพลังและความเข้มข้น
ดนตรีประกอบของ Marc Streitenfeld ช่วยเพิ่มอารมณ์ความเป็นมหากาพย์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเรื่องราวมากขึ้น ส่วนการถ่ายทำใช้แสงและสีที่ดูดิบและสมจริง สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับยุคสมัยของเรื่อง >> ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา
จุดเด่นของหนัง
- นำเสนอ Robin Hood ในมุมที่เป็นนักรบและนักปฏิวัติมากกว่าจอมโจรที่เราคุ้นเคย
- การแสดงของ Russell Crowe และ Cate Blanchett ทำให้ตัวละครดูมีมิติและสมจริง
- ฉากแอ็กชันและสงครามทำได้ดี มีความสมจริงและดุดัน
- งานโปรดักชันยอดเยี่ยม ถ่ายทอดยุคกลางได้อย่างสมจริง
จุดที่อาจไม่ถูกใจทุกคน
- เนื้อเรื่องเน้นไปที่ประวัติศาสตร์และการเมือง ทำให้บางช่วงดูหนักและจริงจังเกินไปสำหรับคนที่คาดหวังความบันเทิงแบบหนังผจญภัย
- โทนของหนังค่อนข้างมืดมนและจริงจัง ต่างจากเวอร์ชันก่อนๆ ที่มักมีความแฟนตาซีหรืออารมณ์ขัน
- บทสรุปของเรื่องเปิดทางไปสู่ภาคต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการสร้างภาคต่อ ทำให้รู้สึกค้างคา
บทสรุป
Robin Hood (2010) เป็นหนังที่แตกต่างจากเวอร์ชันอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะเน้นความสมจริงและความเข้มข้นของเนื้อหา นำเสนอเรื่องราวของโรบินฮู้ดในมุมที่เป็นนักรบและผู้นำแห่งการปฏิวัติ มากกว่าจอมโจรที่คุ้นเคย การแสดงของ Russell Crowe และ Cate Blanchett ช่วยยกระดับตัวละครให้มีชีวิตชีวา ฉากแอ็กชันทำได้ดีและมีความสมจริง แม้ว่าหนังจะมีจังหวะที่เนือยในบางช่วง แต่โดยรวมถือว่าเป็นหนังแอ็กชันพีเรียดที่น่าดูสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์และการเมือง