รีวิวหนัง Vampire Academy (2014)
รีวิวหนัง Vampire Academy (2014) เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี-เหนือธรรมชาติที่สร้างจากนิยายชุดชื่อเดียวกันของ Richelle Mead หนังออกฉายในปี 2014 กำกับโดย Mark Waters และมีนักแสดงนำอย่าง Zoey Deutch, Lucy Fry และ Danila Kozlovsky แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายจากทั้งนักวิจารณ์และแฟนหนัง แต่ก็ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คอหนังแวมไพร์และแฟนวรรณกรรมเยาวชนให้ความสนใจ
เรื่องย่อ
เรื่องราวใน Vampire Academy (2014) เกิดขึ้นในโลกที่มีเผ่าพันธุ์แวมไพร์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ โมรอย (Moroi) แวมไพร์สายเลือดแท้ที่มีพลังเวทย์และต้องดื่มเลือดมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต สไตรกอย (Strigoi) แวมไพร์อมตะที่กระหายเลือดและชั่วร้าย และ แดมเพียร์ (Dhampir) ครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ที่มีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ให้กับโมรอย
เนื้อเรื่องมุ่งเน้นไปที่ โรส แฮทธาเวย์ (Zoey Deutch) แดมเพียร์สาวผู้กล้าหาญ และ ลิซ่า ดราโกเมียร์ (Lucy Fry) เจ้าหญิงโมรอยคนสุดท้ายแห่งตระกูลดราโกเมียร์ ทั้งสองถูกพากลับมายัง เซนต์วลาดิเมียร์ อะคาเดมี่ โรงเรียนสำหรับแวมไพร์และแดมเพียร์ ซึ่งพวกเธอต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากสไตรกอย และปริศนาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์และพลังลึกลับของลิซ่า >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี
จุดเด่นของภาพยนตร์
1. ตัวละครที่มีเสน่ห์
Zoey Deutch รับบทเป็น โรส แฮทธาเวย์ ได้อย่างโดดเด่น เธอถ่ายทอดบทบาทของหญิงสาวที่แข็งแกร่ง ฉลาด และเต็มไปด้วยอารมณ์ขันออกมาได้เป็นอย่างดี ด้าน Lucy Fry ที่รับบท ลิซ่า ดราโกเมียร์ ก็ดูมีเสน่ห์และเปราะบางตามแบบเจ้าหญิงโมรอยได้ดี
อีกตัวละครที่น่าสนใจคือ ดิมิทรี เบลิคอฟ (Danila Kozlovsky) ครูฝึกแดมเพียร์สุดเท่ที่มีเคมีที่เข้ากันได้ดีกับโรส ทำให้เกิดความโรแมนติกที่ดึงดูดใจแฟน ๆ นิยายและคอหนังรักแฟนตาซี
2. โลกของแวมไพร์ที่แตกต่าง
ต่างจากเรื่องแวมไพร์ทั่วไป “Vampire Academy” มีระบบสังคมและกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อน การแบ่งชนชั้นระหว่างโมรอย, แดมเพียร์ และสไตรกอย ทำให้โลกของภาพยนตร์ดูมีเอกลักษณ์และน่าสนใจมากขึ้น
3. การผสมผสานแฟนตาซีกับชีวิตวัยรุ่น
แม้จะเป็นเรื่องแวมไพร์ แต่หนังก็มีองค์ประกอบของ หนังวัยรุ่น ผสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความรัก และชีวิตในรั้วโรงเรียนซึ่งเต็มไปด้วยดราม่า การกลั่นแกล้ง และความลับที่ซ่อนอยู่ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการผสมระหว่าง “Harry Potter” กับ “Mean Girls” >> ดูหนังใหม่ล่าสุด
จุดด้อยของภาพยนตร์
1. การดำเนินเรื่องที่รวดเร็วเกินไป
หนังมีเวลาจำกัดในการถ่ายทอดเนื้อหาที่ซับซ้อนจากนิยาย ทำให้บางจุดถูกเล่าแบบรวบรัดจนขาดความลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องราวของพลังเวทย์และความสัมพันธ์ของตัวละครหลักที่ควรมีการขยายความให้เข้าใจมากขึ้น
2. โทนหนังที่ไม่ชัดเจน
“Vampire Academy” มีโทนที่ผสมกันระหว่างแอ็กชัน แฟนตาซี และตลก ทำให้บางครั้งรู้สึกว่าหนังพยายามจะเป็นทุกอย่างแต่ขาดความสมดุล อารมณ์ของหนังอาจไม่หนักแน่นพอสำหรับแฟนแวมไพร์สายดาร์ก และอาจไม่สนุกมากพอสำหรับแฟนหนังวัยรุ่นทั่วไป
3. วิชวลเอฟเฟกต์และฉากแอ็กชัน
แม้ว่าภาพรวมของหนังจะดูดี แต่ฉากแอ็กชันบางฉากยังขาดความน่าตื่นเต้น และวิชวลเอฟเฟกต์ในบางจุดก็ดูไม่สมจริงพอเมื่อเทียบกับมาตรฐานของหนังแฟนตาซีในยุคนั้น >> ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา
บทสรุป
“Vampire Academy” เป็นหนังที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและตัวละครที่มีเคมีที่ดี แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องในแง่ของการดำเนินเรื่องและโทนของหนังที่ยังไม่ชัดเจน แต่ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่ดูเพลินสำหรับแฟนแนวแฟนตาซีและแวมไพร์
หากคุณเป็นแฟนนิยายหรือชื่นชอบเรื่องราวของแวมไพร์ที่มีความแตกต่างจากเรื่องอื่น “Vampire Academy” อาจเป็นตัวเลือกที่สนุกและแปลกใหม่ แต่หากคุณมองหาภาพยนตร์ที่เน้นดราม่าหรือฉากแอ็กชันที่เข้มข้น อาจต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อย