รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) : ทฤษฎีรักนิรันดร

The Theory of Everything (2014)

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) : ทฤษฎีรักนิรันดร

The Theory of Everything (2014)

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) : ทฤษฎีรักนิรันดร เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่เล่าเรื่องราวชีวิตของหนึ่งในนักฟิสิกส์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 20 ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์คิง หนังไม่ได้เพียงถ่ายทอดผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขา แต่ยังนำเสนอเรื่องราวความรัก มิตรภาพ และการต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ที่ค่อย ๆ ครอบงำร่างกายของเขาไปทีละน้อย โดยใช้มุมมองที่อ่อนโยน ลึกซึ้ง และทรงพลังในการถ่ายทอดชีวิตที่ไม่เคยยอมจำนนต่อโชคชะตา

กำกับโดยเจมส์ มาร์ช และดัดแปลงบทจากบันทึกความทรงจำของเจน ฮอว์คิง อดีตภรรยาของสตีเฟน หนังเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างคนสองคนที่เดินเคียงข้างกันแม้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวง The Theory of Everything จึงไม่ใช่แค่ชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นบทกวีแห่งชีวิตที่สวยงามและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน >> ดูหนังล่าสุด

The Theory of Everything (2014)

เนื้อเรื่องย่อ

The Theory of Everything (2014) : ทฤษฎีรักนิรันดร เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1963 ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สตีเฟน ฮอว์คิง (รับบทโดยเอ็ดดี้ เรดเมย์น) เป็นนักศึกษาหนุ่มอัจฉริยะสาขาฟิสิกส์ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและเป็นคนค่อนข้างขี้อาย จนได้พบกับเจน ไวลด์ (เฟลิซิตี้ โจนส์) นักศึกษาสาวสาขาวรรณกรรม พวกเขาตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการค้นคว้าแนวคิดใหม่เกี่ยวกับจุดกำเนิดของเอกภพ สตีเฟนเริ่มมีอาการผิดปกติทางร่างกาย และในที่สุดก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS ซึ่งแพทย์บอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่ปี

แม้จะเผชิญกับข่าวร้าย เจนเลือกที่จะอยู่เคียงข้างสตีเฟนและแต่งงานกับเขา ทั้งคู่สร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกัน สตีเฟนในขณะเดียวกันยังคงไม่ยอมแพ้ต่อโรค เขาพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ด้านจักรวาลวิทยาและเขียนงานวิชาการที่เป็นจุดเปลี่ยนของวงการ หนังนำเสนอช่วงเวลาที่เขาต้องต่อสู้กับการเสื่อมถอยของร่างกาย ขณะที่เจนเองก็ต้องแบกรับภาระในการดูแลสามีและลูก พร้อมกับต่อสู้กับความรู้สึกภายในของตนเองที่เปราะบางและเหนื่อยล้า >> ดูหนังไม่มีโฆษณา

เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อย ๆ เปลี่ยนไป เจนเริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับโจนาธาน สอนร้องเพลงในโบสถ์ผู้เข้ามาช่วยดูแลครอบครัว ขณะที่สตีเฟนก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับพยาบาลส่วนตัว เอลีน มาสัน สุดท้ายทั้งสองเลือกแยกทางกันอย่างสงบ แต่ยังคงมีสายใยแห่งความเคารพและห่วงใยต่อกัน หนังจบลงด้วยภาพของสตีเฟนและเจนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเงียบ ๆ มองดูลูก ๆ วิ่งเล่นในสวน แสดงให้เห็นถึงความงดงามของความรักที่เคยเกิดขึ้น แม้จะไม่ยั่งยืนในรูปแบบเดิมอีกต่อไป

ดูหนัง The Theory of Everything (2014) : ทฤษฎีรักนิรันดร

The Theory of Everything (2014)

ตัวละคร

  • สตีเฟน ฮอว์คิง (Eddie Redmayne): การแสดงของเรดเมย์นได้รับคำชมอย่างท่วมท้นและคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ด้วยการถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างแม่นยำ ทั้งท่าทาง สีหน้า และการใช้เสียง โดยไม่ลดทอนความเฉลียวฉลาดและอารมณ์ขันของตัวละครเลย
  • เจน ไวลด์ ฮอว์คิง (Felicity Jones): ตัวละครหญิงที่เปี่ยมด้วยความอดทน ความรัก และความแข็งแกร่ง เธอคือศูนย์กลางอารมณ์ของเรื่อง โจนส์แสดงบทนี้ได้อย่างลึกซึ้งและละเอียด ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงภาระหนักอึ้งของคนที่อยู่ข้างหลังนักอัจฉริยะ
  • โจนาธาน และ เอลีน: ตัวละครสมทบที่เข้ามาสะท้อนความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และความสัมพันธ์ในครอบครัว พวกเขาไม่ได้ถูกวางให้เป็นผู้ร้าย แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกับใคร ๆ

The Theory of Everything (2014)

ฉากแอ็กชันและการกำกับ

แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์แอ็กชัน แต่ The Theory of Everything ใช้การกำกับที่มีจังหวะไหลลื่นและการถ่ายภาพที่อ่อนโยน เพื่อขับเน้นอารมณ์และบรรยากาศของเรื่อง ผู้กำกับเจมส์ มาร์ช ใช้ภาพแสงธรรมชาติ ฉากพื้นหลังในอังกฤษที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย รวมถึงดนตรีประกอบที่ไพเราะจาก Jóhann Jóhannsson เพื่อสร้างอารมณ์สะเทือนใจในทุกช่วงชีวิตของตัวละคร

ในฉากสำคัญ เช่น ตอนที่สตีเฟนล้มลงครั้งแรก หรือฉากที่เขาต้องเผชิญกับการใช้เครื่องพูดเสียงเป็นครั้งแรก หนังเลือกใช้ภาพแบบซูมช้าและเงียบงัน เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเจ็บปวดโดยไม่ต้องพึ่งบทสนทนา การควบคุมโทนของเรื่องให้อยู่ในระดับอบอุ่นแต่ทรงพลังเป็นหนึ่งในจุดเด่นของการกำกับเรื่องนี้ >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี

จุดเด่นของภาพยนตร์

  • การแสดงของนักแสดงหลัก โดยเฉพาะเรดเมย์นที่ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจให้กับบทบาท
  • การเล่าเรื่องความรักที่มีมิติ ไม่ใช่แค่โรแมนติก แต่สะท้อนความจริงของชีวิตคู่
  • ดนตรีประกอบที่เสริมอารมณ์ของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม
  • การถ่ายทอดบรรยากาศยุค 60-80 ได้อย่างแม่นยำ ทั้งการแต่งกาย ฉาก และการพูดจา

จุดที่อาจมีข้อสังเกต

  • หนังมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าผลงานทางวิทยาศาสตร์ ทำให้บางคนอาจรู้สึกว่าด้านวิชาการของฮอว์คิงถูกลดทอน
  • บางช่วงของหนังอาจดำเนินไปอย่างเนิบช้า โดยเฉพาะในช่วงกลางเรื่อง
  • ตัวละครสมทบบางตัวไม่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง

>> ดูหนังออนไลน์

สรุป

The Theory of Everything คือภาพยนตร์ชีวประวัติที่เต็มไปด้วยหัวใจ มนุษยธรรม และความงดงามในความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต มันไม่เพียงเล่าชีวิตของอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่ยังฉายภาพความรักที่มีทั้งความหวัง ความเสียสละ และความเปลี่ยนแปลงได้อย่างละเอียดอ่อน เป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมกลับไปมองชีวิตของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับคำถามว่า “เราจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเราอย่างไรให้มีความหมายมากที่สุด”

ดูหนังใหม่ล่าสุด | ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา | เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี | ดูหนังไทย | ดูหนังฝรั่ง | ดูซีรี่ย์ | ดูหนังพากย์ไทย |

LOADING
ค้นหา