รีวิวหนัง Scream (2022) : หวีดสุดขีด
รีวิวหนัง Scream (2022) : หวีดสุดขีด หลังจากผ่านไปกว่า 25 ปีนับตั้งแต่ Ghostface กรีดหน้าครั้งแรกในหนังต้นฉบับปี 1996 “Scream (2022) หวีดสุดขีด” กลับมาพร้อมกับภารกิจสำคัญ นั่นคือการรีบูตแฟรนไชส์ในยุคที่โลกของหนังสยองขวัญเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยการกำกับของ Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett จากทีมผู้สร้าง Ready or Not ภาคนี้ยังคงสานต่อสไตล์ “เมตาฮอร์เรอร์” ที่วิพากษ์แนวหนังสยองขวัญไปพร้อมกับการเล่นกับสูตรสำเร็จของมันเองอย่างเจ็บแสบและเฉียบแหลม
แม้จะเป็นภาคที่ 5 แต่ “Scream (2022)” กลับตั้งใจใช้ชื่อเดียวกับภาคแรก เพื่อสะท้อนถึงความเป็นภาคต่อที่ไม่ใช่แค่การสานต่อเรื่องราวเก่า ๆ แต่ยังเป็นการรีเฟรชแฟรนไชส์เพื่อคนดูรุ่นใหม่ และขณะเดียวกันก็เคารพผู้ชมรุ่นดั้งเดิม โดยเนื้อหายังคงหมุนรอบเมืองวูดส์โบโรและหน้ากาก Ghostface ที่กลับมาพร้อมการฆาตกรรมสุดโหด ซึ่งครั้งนี้เดิมพันสูงกว่าเดิม เพราะฆาตกรรู้จักหนัง Scream ดีกว่าทุกคน >> ดูหนังล่าสุด
เนื้อเรื่องย่อ (โดยละเอียด)
Scream (2022) : หวีดสุดขีด เรื่องราวเริ่มต้นที่เมืองวูดส์โบโรอีกครั้ง เมื่อ “ทาร่า” (Tara Carpenter) วัยรุ่นสาวถูกรับสายปริศนาในคืนหนึ่ง และถูก Ghostface โจมตีอย่างเหี้ยมโหด เธอรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ส่งผลให้พี่สาวของเธอ “แซม” (Sam Carpenter) ต้องเดินทางกลับมายังเมืองวูดส์โบโรพร้อมแฟนหนุ่ม “ริชชี่” เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับการโจมตีและอดีตของตนเอง แต่เมื่อการฆาตกรรมเริ่มเกิดขึ้นกับกลุ่มเพื่อนของทาร่า Ghostface คนใหม่ก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้ฆ่าแบบสุ่ม
แซมเริ่มสงสัยว่าการฆาตกรรมครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับอดีตที่เธอพยายามจะลืม นั่นคือความสัมพันธ์ของเธอกับ “Billy Loomis” ฆาตกร Ghostface คนแรก เธอเริ่มเห็นภาพหลอนของบิลลี่ และรู้สึกว่าตัวเองกำลังสูญเสียการควบคุม ขณะเดียวกัน ริชชี่ก็ชักชวนให้แซมไปขอความช่วยเหลือจากอดีตตัวละครหลักอย่าง “ดิวอี้ ไรลีย์” อดีตนายอำเภอผู้เคยไล่ล่า Ghostface หลายครั้ง และการปรากฏตัวของเขาก็นำไปสู่การกลับมาของ “เกล วีเธอร์ส” และ “ซิดนีย์ เพรสค็อตต์” ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เดิม ๆ ที่ถูกดึงกลับเข้าสู่วงจรโศกนาฏกรรมอีกครั้ง >> ดูหนังไม่มีโฆษณา
ในช่วงไคลแมกซ์ ความจริงก็เปิดเผยว่า Ghostface คนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือผู้ที่คลั่งไคล้แฟรนไชส์ “Stab” (หนังในหนังที่ล้อเลียน Scream เอง) และต้องการสร้างภาคใหม่ที่ “สมจริง” กว่าที่เคย แผนทั้งหมดคือการสร้างเรื่องราวใหม่โดยใช้เหยื่อที่มีความเชื่อมโยงกับฆาตกรยุคดั้งเดิม ในท้ายที่สุด แซมต้องเผชิญหน้ากับเลือดในตัวเธอเอง และตัดสินใจว่าจะเป็นเหยื่อ หรือจะใช้ด้านมืดเพื่อเอาชีวิตรอด การจบของเรื่องจึงไม่ได้มีแค่การเอาตัวรอด แต่ยังสะท้อนถึงการสืบทอดความรุนแรงและคำถามเกี่ยวกับความเป็นตัวตนในยุคของแฟนด้อมคลั่ง
ดูหนัง Scream (2022) : หวีดสุดขีด
ตัวละคร
- แซม คาร์เพนเตอร์ (Sam Carpenter) รับบทโดย Melissa Barrera ตัวละครใหม่ที่มีอดีตซับซ้อนและเป็นสะพานเชื่อมระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เป็นตัวเอกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน
- ทาร่า คาร์เพนเตอร์ (Tara Carpenter) แสดงโดย Jenna Ortega แม้บทจะถูกโจมตีตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่เธอกลับกลายเป็นตัวละครสำคัญและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- ดิวอี้ ไรลีย์ (Dewey Riley) รับบทโดย David Arquette ตัวละครดั้งเดิมที่มีบทบาททรงพลังในภาคนี้ พร้อมชะตากรรมที่สร้างอารมณ์สะเทือนใจ
- เกล วีเธอร์ส (Gale Weathers) และ ซิดนีย์ เพรสค็อตต์ (Sidney Prescott) รับบทโดย Courteney Cox และ Neve Campbell สองตัวละครหลักจากภาคก่อนที่กลับมาสานต่อมรดกความสยอง
ฉากแอ็กชันและการกำกับ
การกำกับของ Bettinelli-Olpin และ Gillett ยังคงไว้ซึ่งความเคารพต่อผลงานของ Wes Craven ผู้กำกับต้นฉบับ พวกเขานำความระทึกแบบคลาสสิกกลับมา เช่น ฉากเปิดเรื่องที่อิงจากภาคแรกอย่างชัดเจน พร้อมใส่จังหวะล่อหลอกและการหักมุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉากฆาตกรรมยังคงโหดและสมจริง แต่มีความสมดุลระหว่างความรุนแรงกับอารมณ์ขันแบบเมตาฮอร์เรอร์ ทำให้หนังรู้สึกทั้งสดใหม่และคารวะต้นฉบับในเวลาเดียวกัน >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี
จุดเด่นของภาพยนตร์
- การผสมผสานระหว่างตัวละครใหม่และตัวละครเก่าได้อย่างลงตัว
- การวิพากษ์แฟนด้อมคลั่ง และความหมกมุ่นในวัฒนธรรมป็อปด้วยวิธีเสียดสีที่เฉียบคม
- บทสนทนาและสถานการณ์ที่ล้อเลียนหนังสยองขวัญ พร้อมตั้งคำถามกับสูตรสำเร็จของมัน
- การคงไว้ซึ่งบรรยากาศและจิตวิญญาณของ Scream ภาคแรก ทั้งในแง่สไตล์และอารมณ์
จุดที่อาจมีข้อสังเกต
- ตัวละครใหม่บางตัวขาดการพัฒนาในเชิงลึก ทำให้บางรายกลายเป็นเพียงเหยื่อในพล็อต
- โครงเรื่องยังคงยึดติดกับโครงสร้างเดิม จนอาจขาดความแปลกใหม่สำหรับผู้ชมที่คุ้นเคยกับซีรีส์
- บางช่วงของเรื่องมีจังหวะเนือยเล็กน้อยก่อนเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์
สรุป
“Scream (2022) หวีดสุดขีด” เป็นการรีบูตแฟรนไชส์ที่ฉลาดและสนุก มันเคารพต้นฉบับ ขณะเดียวกันก็กล้าวิจารณ์วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากมัน ตัวละครหลักมีพลังในการขับเคลื่อนเรื่องราว และการกำกับก็ชัดเจนว่าเข้าใจต้นฉบับอย่างลึกซึ้ง แม้จะยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบปฏิวัติวงการ แต่ก็เป็นก้าวย่างที่มั่นคงและน่าจับตาสำหรับแฟรนไชส์นี้ในอนาคต เหมาะสำหรับทั้งแฟนเดนตายของ Ghostface และผู้ชมรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสัมผัสโลกของ Scream ครั้งแรก
ดูหนังใหม่ล่าสุด | ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา | เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี | ดูหนังไทย | ดูหนังฝรั่ง | ดูซีรี่ย์ | ดูหนังพากย์ไทย |