รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ

รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์จากจักรวาลมาร์เวล (Marvel Cinematic Universe – MCU) ที่นำเสนอเรื่องราวของตัวละครใหม่ซึ่งแตกต่างจากฮีโร่สายพลังเหนือมนุษย์หรือเทคโนโลยีขั้นสูงที่เคยเห็นมาก่อน หนังเรื่องนี้เปิดตัวให้ผู้ชมได้รู้จักกับศาสตร์เวทมนตร์และมิติที่ซับซ้อน ผ่านตัวละครของ ด็อกเตอร์สตีเฟน สเตรนจ์ (Doctor Stephen Strange) ศัลยแพทย์มือทองที่ชีวิตพลิกผันไปสู่เส้นทางของพ่อมดผู้ทรงพลัง หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและวิชวลเอฟเฟกต์อันตระการตา แต่ยังสอดแทรกแนวคิดเชิงปรัชญาเกี่ยวกับโชคชะตาและการค้นหาความหมายของชีวิตอีกด้วย

เนื้อเรื่องย่อ

รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ ด็อกเตอร์สตีเฟน สเตรนจ์ (รับบทโดย Benedict Cumberbatch) เป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทที่เก่งกาจและหยิ่งผยอง วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ทำให้มือของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถผ่าตัดได้อีกต่อไป ความสิ้นหวังผลักดันให้เขาเดินทางไปยังเนปาลเพื่อตามหาวิธีรักษาที่เหนือกว่าการแพทย์ทั่วไป และนั่นทำให้เขาได้พบกับ The Ancient One (รับบทโดย Tilda Swinton) ผู้สอนให้เขาเข้าใจศาสตร์เวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติ

ขณะที่สเตรนจ์เรียนรู้เวทมนตร์ เขาได้เข้าไปพัวพันกับสงครามระหว่างกลุ่มผู้ใช้เวทย์ของ The Ancient One กับศัตรูตัวฉกาจอย่าง คาซีเลียส (Kaecilius) (รับบทโดย Mads Mikkelsen) และพลังแห่งมิติมืดของ ดอร์มามู (Dormammu) เขาต้องตัดสินใจว่า จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมหรือก้าวขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์แห่งโลกด้วยพลังแห่งจอมเวทย์ >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี

รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ

นักแสดงหลักและการแสดง

Benedict Cumberbatch รับบท Doctor Stephen Strange

Cumberbatch ถ่ายทอดบทบาทของด็อกเตอร์สเตรนจ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ช่วงที่เป็นศัลยแพทย์ผู้หยิ่งยโส ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นพ่อมดผู้เสียสละเพื่อปกป้องโลก เขานำเสนอบุคลิกที่ทั้งฉลาด ทะนงตัว และมีอารมณ์ขัน ทำให้ตัวละครมีมิติและเสน่ห์ที่น่าจดจำ

Tilda Swinton รับบท The Ancient One

The Ancient One เป็นอาจารย์ที่มีปริศนาและความลึกลับ Swinton ถ่ายทอดบุคลิกที่สงบ มีพลัง และเต็มไปด้วยปัญญา แม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงตัวละครจากคอมิกส์ (ที่ในต้นฉบับเป็นชายชาวธิเบต) แต่การแสดงของเธอได้รับคำชมว่าให้ความรู้สึกของผู้รอบรู้ที่แท้จริง

Mads Mikkelsen รับบท Kaecilius

ในฐานะตัวร้ายของเรื่อง คาซีเลียส เป็นอดีตลูกศิษย์ของ The Ancient One ที่หันไปใช้ศาสตร์มืด แม้บทของเขาอาจไม่ลึกซึ้งเท่าตัวร้ายอื่น ๆ ของ MCU แต่ Mikkelsen ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและแรงจูงใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี

Chiwetel Ejiofor รับบท Mordo

มอร์โดเป็นศิษย์เอกของ The Ancient One และเป็นพี่ร่วมสำนักของสเตรนจ์ ตลอดเรื่องเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครจากผู้ศรัทธาในกฎเกณฑ์ไปสู่ความขัดแย้งภายในที่อาจปูทางไปสู่บทบาทของเขาในภาคต่อ >> ดูหนังใหม่ล่าสุด

รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ

จุดเด่นของหนัง

ภาพและวิชวลเอฟเฟกต์ที่น่าตื่นตา

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Doctor Strange โดดเด่นคือการนำเสนอภาพที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ มิติที่บิดเบี้ยว และการเดินทางผ่านมิติต่าง ๆ งานภาพในหนังมีความคล้ายคลึงกับงานศิลปะแนว Psychedelic และให้ความรู้สึกเหมือนการดูภาพวาดของ M.C. Escher มีชีวิตขึ้นมา

ธีมและปรัชญาของเรื่อง

นอกจากฉากแอ็กชันที่อลังการแล้ว หนังยังมีเนื้อหาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการปล่อยวางอัตตาและการค้นหาความหมายของชีวิต สเตรนจ์ต้องเรียนรู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือทางการแพทย์ แต่เป็นการใช้พลังเพื่อปกป้องผู้อื่น

อารมณ์ขันและเคมีระหว่างตัวละคร

แม้ว่าจะเป็นหนังที่มีเนื้อหาหนักในบางช่วง แต่ Doctor Strange ก็ยังแฝงด้วยอารมณ์ขัน โดยเฉพาะจากบุคลิกของสเตรนจ์เอง รวมถึงการโต้ตอบระหว่างเขากับมอร์โด และ Cloak of Levitation ผ้าคลุมเวทมนตร์ของเขาที่มีบุคลิกเป็นของตัวเอง >> ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา

รีวิวหนัง Doctor Strange (2016) : จอมเวทย์มหากาฬ

ข้อเสียและจุดที่อาจขาดไป

แม้ว่า Doctor Strange จะเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มีข้อสังเกตบางประการ

  • ตัวร้ายไม่โดดเด่นเท่าที่ควร – คาซีเลียสมีแรงจูงใจที่ชัดเจน แต่ไม่ค่อยมีฉากที่ทำให้รู้สึกถึงภัยคุกคามของเขาเท่ากับตัวร้ายอื่น ๆ ใน MCU
  • การดำเนินเรื่องบางช่วงอาจเร็วเกินไป – กระบวนการเรียนรู้เวทมนตร์ของสเตรนจ์ค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับหนังแนวศิษย์-อาจารย์เรื่องอื่น ๆ

บทสรุป

Doctor Strange (2016) เป็นการเปิดตัวที่น่าประทับใจของตัวละครใหม่ใน MCU ด้วยงานภาพที่โดดเด่น เนื้อหาที่มีมิติ และการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงนำ แม้ว่าจะมีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับตัวร้ายและจังหวะของเนื้อเรื่อง แต่โดยรวมแล้ว นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความแตกต่างและน่าจดจำมากที่สุดเรื่องหนึ่งของ Marvel หากคุณเป็นแฟนหนังแนวแอ็กชันผสมแฟนตาซีและต้องการสัมผัสโลกของเวทมนตร์ใน MCU นี่คือหนังที่ไม่ควรพลาด!

รีวิวหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย

Doctor Strange

รีวิวหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย Marvel Studios ซึ่งเป็นภาคต่อของ Doctor Strange (2016) และเป็นส่วนหนึ่งของ Marvel Cinematic Universe (MCU) กำกับโดย แซม ไรมี (Sam Raimi) ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อในแนวหนังสยองขวัญและเป็นที่รู้จักจาก Spider-Man Trilogy (2002-2007)

ภาพยนตร์นำแสดงโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ (Benedict Cumberbatch) ในบท Doctor Strange, เอลิซาเบธ โอลเซ่น (Elizabeth Olsen) ในบท Wanda Maximoff / Scarlet Witch, โซชิตล์ โกเมซ (Xochitl Gomez) ในบท America Chavez, เบเนดิกต์ หว่อง (Benedict Wong) ในบท Wong และ เรเชล แม็คอดัมส์ (Rachel McAdams) ในบท Christine Palmer

หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ขยายแนวคิดของ Multiverse หรือพหุจักรวาลของ MCU ซึ่งได้รับอิทธิพลจากซีรีส์ WandaVision (2021) และ Loki (2021) โดยเป็นการผสมผสานระหว่างแนวแอ็กชัน-แฟนตาซีและแนวสยองขวัญที่เป็นเอกลักษณ์ของแซม ไรมี >> ดูหนังล่าสุด

Doctor Strange

เนื้อเรื่องโดยย่อ

Doctor Strange in the Multiverse of Madness จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ Doctor Strange พบกับ America Chavez เด็กสาวผู้มีพลังพิเศษที่สามารถเดินทางข้ามมิติในมัลติเวิร์สได้ แต่ยังควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ ขณะเดียวกัน พวกเขาถูกตามล่าโดยสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ต้องการพลังของอเมริกา

Strange ขอความช่วยเหลือจาก Wanda Maximoff แต่เขากลับพบว่าเธอได้กลายเป็น Scarlet Witch และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตามล่า America เพื่อใช้พลังของเธอเดินทางไปยังมิติที่เธอสามารถอยู่กับลูก ๆ ได้ หลังจากเหตุการณ์ใน WandaVision ที่เธอสูญเสียลูกชายไป >> ดูหนังไม่มีโฆษณา

Doctor Strange และ America ต้องเดินทางข้ามพหุจักรวาลเพื่อหาทางหยุดยั้ง Wanda ขณะที่พวกเขาได้พบกับเวอร์ชันอื่นของตัวเองและองค์กรลับที่เรียกว่า The Illuminati ซึ่งมีสมาชิกที่คาดไม่ถึง การต่อสู้ระหว่างเวทมนตร์และความมืดดำเนินไปอย่างเข้มข้น สู่บทสรุปที่ทำให้มัลติเวิร์สต้องเผชิญกับอันตรายที่อาจเปลี่ยนอนาคตของ MCU ไปตลอดกาล ดูหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย

Doctor Strange

จุดเด่นของภาพยนตร์

การกำกับสไตล์สยองขวัญของแซม ไรมี

หนึ่งในจุดแข็งของหนังคือสไตล์ของแซม ไรมี ที่เติมความเป็นหนังสยองขวัญเข้าไปใน MCU >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี

  • ฉากที่ Scarlet Witch ตามล่า Doctor Strange และ America มีบรรยากาศคล้ายหนังผีและมีความกดดันสูง
  • มีการใช้มุมกล้องและเทคนิคพิเศษที่ทำให้หนังดูแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป
  • ฉากต่อสู้ในมิติต่าง ๆ มีความแปลกใหม่และใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ฉากต่อสู้ด้วยตัวโน้ตดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์

การพัฒนาและบทบาทของ Wanda Maximoff

Scarlet Witch เป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดในเรื่อง และแสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลของเธอ >> ดูหนังออนไลน์

  • หนังทำให้เห็นว่า Wanda เป็นหนึ่งในตัวละครที่ทรงพลังที่สุดใน MCU
  • เธอเป็นตัวร้ายที่มีมิติ ไม่ใช่แค่คนเลว แต่มีเหตุผลและแรงจูงใจที่ทำให้เธอเดินเข้าสู่ด้านมืด
  • Elizabeth Olsen ถ่ายทอดบทบาทได้ยอดเยี่ยม ทำให้ตัวละครมีทั้งความน่ากลัวและน่าเห็นใจ

Doctor Strange

ข้อสังเกตและจุดอ่อนของภาพยนตร์

แม้ว่าภาพยนตร์จะมีความโดดเด่น แต่ก็มีบางจุดที่อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกขัดใจ

  • เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็วและอาจไม่ลึกพอ – หนังมีฉากแอ็กชันและการเดินทางข้ามมิติมากมาย แต่ไม่ได้ให้เวลาพัฒนาเรื่องราวของตัวละครมากพอ
  • Scarlet Witch ถูกนำเสนอให้เป็นตัวร้ายเร็วเกินไป – แม้ว่าผู้ชมที่ดู WandaVision อาจเข้าใจเหตุผลของเธอ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ดูซีรีส์มาก่อน อาจรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นตัวร้ายอย่างรวดเร็ว
  • The Illuminati ถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง – การปรากฏตัวของกลุ่ม Illuminati เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของหนัง แต่ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว ทำให้ดูเหมือนแค่เป็นแฟนเซอร์วิสมากกว่าการมีบทบาทสำคัญ

เปรียบเทียบกับภาพยนตร์ MCU เรื่องอื่น ๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับหนัง MCU เรื่องอื่น ๆ Doctor Strange in the Multiverse of Madness มีความแตกต่างอย่างชัดเจนในแง่ของโทนเรื่อง

  • Spider-Man: No Way Home (2021) – เป็นหนังที่ใช้มัลติเวิร์สเช่นกัน แต่มีโทนที่เบากว่า และเน้นไปที่อารมณ์ของตัวละครมากกว่า
  • Doctor Strange (2016) – ภาคแรกเน้นการสำรวจพลังเวทมนตร์ของตัวเอก ในขณะที่ภาคนี้เน้นเรื่องมัลติเวิร์สและการต่อสู้กับความมืด
  • Avengers: Endgame (2019) – มีฉากต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า แต่ Multiverse of Madness มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า

สรุป

Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอแนวคิดมัลติเวิร์สใน MCU ได้อย่างน่าสนใจ และโดดเด่นด้วยการกำกับของแซม ไรมี ที่เพิ่มความเป็นหนังสยองขวัญเข้าไปในแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ Elizabeth Olsen ขโมยซีนด้วยบทบาท Scarlet Witch ที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัว ขณะที่ฉากแอ็กชันและเอฟเฟกต์พิเศษก็น่าประทับใจ

อย่างไรก็ตาม หนังมีข้อเสียในเรื่องของการดำเนินเรื่องที่เร็วเกินไปและการใช้ตัวละครบางตัวอย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะกลุ่ม Illuminati แต่โดยรวมแล้ว Multiverse of Madness เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงและเป็นก้าวสำคัญในการขยายเรื่องราวของ MCU

ดูหนังใหม่ล่าสุด | ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา | เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี | ดูหนังไทย | ดูหนังฝรั่ง | ดูซีรี่ย์ | ดูหนังพากย์ไทย |

    LOADING
    ค้นหา