รีวิวหนัง Mission Impossible Fallout (2018)
รีวิวหนัง Mission Impossible Fallout เป็นภาพยนตร์แอ็กชันสายลับภาคที่ 6 ของแฟรนไชส์ Mission: Impossible ซึ่งสร้างจากซีรีส์โทรทัศน์ในยุค 1960 ภาพยนตร์กำกับโดย คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี (Christopher McQuarrie) ซึ่งกลายเป็นผู้กำกับคนแรกที่ได้กำกับหนัง Mission: Impossible ถึงสองภาค (ภาคก่อนหน้าคือ Mission: Impossible – Rogue Nation (2015))
นำแสดงโดย ทอม ครูซ (Tom Cruise), เฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavill), รีเบคก้า เฟอร์กูสัน (Rebecca Ferguson), ไซม่อน เพ็กก์ (Simon Pegg), วิง ราเมส (Ving Rhames) และวาเนสซา เคอร์บี้ (Vanessa Kirby) ภาคนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่าเป็นหนังที่ยกระดับแฟรนไชส์ให้สูงขึ้นด้วยฉากแอ็กชันที่เข้มข้นและการดำเนินเรื่องที่ตื่นเต้น >> ดูหนังล่าสุด
เนื้อเรื่องโดยย่อ
Mission Impossible Fallout เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อีธาน ฮันท์ (ทอม ครูซ) และทีมของเขาจาก IMF ต้องออกปฏิบัติภารกิจเพื่อขัดขวางกลุ่มผู้ก่อการร้าย Apostles ซึ่งเป็นกลุ่มแตกหน่อของ Syndicate จากภาคที่แล้ว โดยพวกเขากำลังพยายามลักลอบนำ พลูโตเนียม ไปใช้สร้างอาวุธนิวเคลียร์
เมื่ออีธานต้องเลือกระหว่างช่วยชีวิตเพื่อนร่วมทีมกับปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ พลูโตเนียมตกไปอยู่ในมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ทำให้ CIA ส่งเจ้าหน้าที่ ออกัสต์ วอล์คเกอร์ (เฮนรี คาวิลล์) มาควบคุมภารกิจครั้งนี้ แต่ในขณะที่อีธานพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้สถานการณ์ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับแผนซ้อนแผน รวมถึงการกลับมาของ โซโลมอน เลน (ฌอน แฮร์ริส) อดีตหัวหน้ากลุ่ม Syndicate ที่ยังไม่หมดพิษสง >> ดูหนังไม่มีโฆษณา
ภารกิจของอีธานและทีมกลายเป็นการเดิมพันที่อันตรายยิ่งขึ้น เมื่อพวกเขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อหยุดยั้งแผนทำลายโลก และเผชิญกับศัตรูที่มีทั้งความแข็งแกร่งและไหวพริบเหนือชั้น ดูหนัง Mission Impossible Fallout
จุดเด่นของภาพยนตร์
ฉากแอ็กชันที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
หนังภาคนี้ขึ้นชื่อเรื่องฉากแอ็กชันที่ถ่ายทำจริงแบบไม่มีการใช้สตันท์ >> เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี
- ฉากกระโดด HALO Jump จากเครื่องบินที่ทอม ครูซแสดงเองโดยไม่มีตัวแสดงแทน
- ฉากไล่ล่าด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย
- ฉากต่อสู้ตัวต่อตัวในห้องน้ำที่ดิบ เถื่อน และออกแบบท่าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยม
เรื่องราวที่ซับซ้อนแต่ยังเข้าใจง่าย
หนังมีการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นแต่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป
- การเชื่อมโยงกับภาคก่อนหน้า (Rogue Nation) ทำให้เรื่องราวมีความต่อเนื่อง
- มีการหักมุมที่ชาญฉลาด แต่ยังทำให้ผู้ชมติดตามเรื่องได้อย่างสนุก
- ความสัมพันธ์ของตัวละคร เช่น อีธาน กับ อิลซ่า ฟอสต์ (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) มีความลึกซึ้งมากขึ้น
ข้อสังเกตและจุดอ่อนของภาพยนตร์
แม้ว่าภาคนี้จะเป็นหนึ่งในหนังแอ็กชันที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ แต่ก็ยังมีบางจุดที่อาจทำให้ผู้ชมบางกลุ่มรู้สึกไม่สมบูรณ์
- ตัวละครวอล์คเกอร์ของเฮนรี คาวิลล์ อาจถูกเปิดเผยเร็วเกินไป – แม้ว่าเขาจะมีพลังและความน่าเกรงขาม แต่การเฉลยตัวจริงของเขาอาจไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเซอร์ไพรส์มากพอ
- ฉากจบที่ค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ – แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ยังคงเดินตามสูตรของ Mission: Impossible ที่อีธานต้องแข่งกับเวลาเพื่อหยุดภัยคุกคาม
- มีตัวละครบางตัวที่ไม่ได้รับการขยายบทบาทมากพอ – เช่น อิลซ่า ฟอสต์ ที่บทอาจดูด้อยลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับภาคก่อน
เปรียบเทียบกับภาคก่อนและหนังแอ็กชันสายลับเรื่องอื่น ๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับภาคก่อนหน้าและหนังแอ็กชันสายลับเรื่องอื่น Mission: Impossible – Fallout ยังคงรักษามาตรฐานของแฟรนไชส์ไว้ได้เป็นอย่างดี >> ดูหนังออนไลน์
- Mission: Impossible – Rogue Nation (2015) – ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ปูทางไปสู่ Fallout ได้ดีมาก และแนะนำตัวละคร อิลซ่า ฟอสต์ ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของเรื่องราว
- Skyfall (2012) – เป็นหนึ่งในหนัง James Bond ที่โดดเด่นเรื่องพล็อต แต่ Fallout มีฉากแอ็กชันที่เหนือกว่า
- The Bourne Ultimatum (2007) – มีสไตล์ที่สมจริงและดิบกว่า แต่ Fallout มีขอบเขตของฉากแอ็กชันที่ยิ่งใหญ่กว่า
สรุป
Mission: Impossible – Fallout (2018) เป็นหนึ่งในหนังแอ็กชันสายลับที่ดีที่สุดของยุค ด้วยฉากแอ็กชันที่เหนือชั้น การแสดงที่ยอดเยี่ยม และเรื่องราวที่เข้มข้น หนังสามารถผสมผสานการไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่กับการเล่าเรื่องที่มีน้ำหนักได้อย่างลงตัว
หากคุณเป็นแฟนของ Mission: Impossible หรือชื่นชอบหนังแอ็กชันที่มีฉากสตันท์ที่ถ่ายทำจริง หนังเรื่องนี้คือหนังที่ไม่ควรพลาด แต่ถ้าคุณมองหาหนังสายลับที่เน้นเนื้อเรื่องเข้มข้นแบบแนวสืบสวน Fallout อาจยังคงเน้นไปที่ฉากแอ็กชันเป็นหลัก
ดูหนังใหม่ล่าสุด | ดูหนังฟรีไม่มีโฆษณา | เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี | ดูหนังไทย | ดูหนังฝรั่ง | ดูซีรี่ย์ | ดูหนังพากย์ไทย |